ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามา เดินทางถึงรัสเซียในวันพฤหัสบดี เพื่อร่วมประชุมประจำปีของกลุ่ม G20 แต่ก็มีการยืนยันแล้วว่า จะไม่มีการประชุมแบบทวิภาคีระหว่าง ประธานาธิบดีสหรัฐ กับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน หลังจากที่ผู้นำทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่อง การใช้มาตรการทางทหารกับรัฐบาลซีเรีย สืบเนื่องจากที่สหรัฐกล่าวหาว่า กองกำลังของรัฐบาลซีเรีย ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนของตนเอง นับพันคน ปกติแล้วการประชุมกลุ่ม G20 มักจะพูดกันถึงเรื่องเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนครั้งนี้ประเด็นสำคัญคือเรื่องของซีเรีย โดยประเทศสมาชิกกำลังมีความเห็นแตกแยกกันว่า ควรสนับสนุนให้มีการโจมตีซีเรียหรือไม่
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน จู กวงเหยา แสดงความกังวลว่าหากเกิดการโจมตีใส่ซีเรียจริง ราคาน้ำมันดิบโลกอาจสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้ ส่วนทางรัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของจีน และของซีเรีย ตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของหลักฐาน ที่สหรัฐนำมาใช้ยืนยันว่ารัฐบาลซีเรีย โจมตีสังหารประชาชนของตนเองด้วยแก๊สพิษจริง
โฆษกของประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ผู้นี้กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของสหรัฐนั้นไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ทางประธานสภาสหภาพยุโรป นายเฮอแมน วาน รอมปาย ได้กล่าวประณามรัฐบาลซีเรีย และว่าข้อมูลจากหลายแหล่งต่างระบุตรงกันว่า รัฐบาลซีเรียคือผู้รับผิดชอบต่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมีดังกล่าว
ส่วนทางฝรั่งเศสรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส โลรองต์ ฟาบิอุส กล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ในฝรั่งเศสว่า จุดยืนของฝรั่งเศสคือการลงโทษซีเรียพร้อมไปกับการเจรจาต่อรอง เพราะหากไม่มีมาตรการลงโทษ เชื่อว่าประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล อัสซาด คงจะไม่ยอมนั่งลงเจรจากันง่ายๆ และสงครามในซีเรียที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 1 แสนคนก็จะยืดเยื้อต่อไป
นอกจากนั้น ประเด็นสำคัญในการหารือที่รัสเซียในสัปดาห์นี้ ยังรวมถึงเรื่องการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเรื่องการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นในกลุ่ม G20 ได้เช่นกัน